5 วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ขนสัตว์

โรคภูมิแพ้เป็นหนึ่งในภาวะเรื้อรังที่พบมากที่สุดในประชากรของประเทศไทย โดยเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก ร่างกายจะมีการตอบสนองไวเกินกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้ สำหรับโรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นกับคนเรานั้นมักจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะแพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง แมลง หรือบางคนก็แพ้ขนสัตว์ เช่น ขนของแมว ขนน้องหมา ฯ วันนี้ทางเรามีวิธีการป้องกันโรคภูมิแพ้ขนสัตว์ ด้วย 5 วิธีการครับ

1.ขนสุนัขทำให้เกิดภูมิแพ้จริงหรือ?

หลาย ๆ คนที่เลี้ยงน้องหมาอาจจะสงสัยกันอยู่ว่า เส้นขนเล็ก ๆ บาง ๆ น้องหมาแสนรักที่ดูนุ่มสลวยนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้จริงหรือ? ซึ่งต้องขอบอกเลยครับว่า จริง ๆ แล้วสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมานั้นไม่ใช้เส้นขนของน้องหมาหรอกค่ะ แต่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมาคือโปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลายและฉี่ของน้องหมาต่างหาก ที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ โดยบางคนอาจจะแสดงอาการแพ้ออกมา เช่น การไอ คันตา มีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล จามคัดจมูก หายใจลำบาก หอบหืด ผื่นคันขึ้นที่ใบหน้า คอ แขนขาและลำตัว เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักกำเริบหลังสัมผัสน้องหมาประมาณ 30 นาที แต่ในบางรายก็อาจแสดงอาการในเวลาหลายชั่วโมงก็ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย และความรุนแรงของการแพ้ครับ

ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบหรือกำเริบน้อยที่สุด นั่นก็คือ การรู้จักหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตัวเราแพ้ โดยก่อนที่จะเลือกหรือตัดสินใจเลี้ยงน้องหมา เราก็อาจศึกษาหาสายพันธุ์น้องหมาที่อยู่ในพวก Hypoallergenic Dogs หรือน้องหมาที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ คือน้องหมาที่ไม่ผลัดขนหรือผลัดขนน้อยมาเลี้ยง เช่น ชิสุ , มอลทีส , ยอร์เชียร์ เทอร์เรีย , อิตาเลียน เกรย์ฮาวน์ , บอสตัน เทอร์เรีย , ไชนีส เครสเต็ด , พูเดิ้ล ฯลฯ ซึ่งน้องหมาเหล่านี้ ขนจะไม่ค่อยร่วง ทำให้มีโอกาสไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้น้อยกว่าน้องหมาที่ผลัดขนบ่อย ๆ  ครับหรือในครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาอยู่ก่อนแล้ว เพื่อน ๆ ก็อาจสามารถทำได้ตามวิธีต่าง ๆ เพื่อช่วยลดอาการแพ้  ให้น้องหมาอยู่ร่วมกันกับคนแพ้ขนน้องหมาอย่างมีความสุขได้ ดังนี้เลยครับ

2.จัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน

ป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเป็นอันดับแรกสำหรับบ้านที่มีคนแพ้ขนสุนัขอาศัยอยู่ นั่นก็คือ การจัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน โดยผู้เลี้ยงอาจจะใช้ กรง ที่กั้นคอกจำกัดพื้นที่ไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ ให้น้องหมาอยู่ห่างจากบริเวณที่ผู้แพ้ขนน้องหมาอาศัยอยู่พอสมควร เพื่อจำกัดพื้นที่การหลุดร่วงของขนน้องหมาไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน บริเวณที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ และง่ายต่อการดูแลทำความสะอาดด้วยก็จะยิ่งดีมาก  ๆ เลยครับ

สำหรับครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาให้อยู่ภายในบ้าน แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงจัดแบ่งพื้นที่ให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งเพื่อช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้สดชื่นขึ้น พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนั่งเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี

ในกรณีที่ผู้เลี้ยงแพ้ขนน้องหมา แนะนำว่า ไม่ควรให้น้องหมานอนในห้องนอนหรือนอนร่วมเตียงนอนเดียวกัน เพราะขนน้องหมา ขี้ไคล น้ำลาย สะเก็ดรังแคต่าง ๆ ของน้องหมามีโอกาสที่จะหลุดร่วงและฝังตัวในหมอน ผ้าปูที่นอน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ครับ

3. หมั่นอาบน้ำแปรงขนให้น้องหมา

ผู้เลี้ยงควรดูแลอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแปรงขนน้องหมาเพื่อสางขนชุดเก่ารวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามตัวน้องหมาออก ซึ่งการแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำจะช่วยนวดกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขน ทำให้ผิวหนังและเส้นขนของน้องหมาชุ่มชื้น และช่วยขจัดรังแค สิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิวหนัง และยังช่วยลดการหลุดร่วงของขนน้องหมาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ

และสำหรับผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่า การจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ เช่น อาบน้ำให้น้องหมา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะสามารถช่วยให้ร่างกายของน้องหมาสะอาดมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะว่า ในความเป็นจริงแล้วการที่เราจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ จะเป็นการทำลายไขมันที่ร่างกายน้องหมาผลิตออกมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวหนังและเส้นขนหยาบ แห้ง ขาดความเงางาม ก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมาบางตัว และอาจทำให้น้องหมาเป็นโรคผิวหนังอักเสบ เกิดสะเก็ดรังแคได้ ซึ่งถ้าหากมีอาการรุนแรงผิวหนังก็อาจจะติดเชื้อและกลายเป็นโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ และแน่นอนครับว่า คงไม่ดีกับผู้ที่แพ้ขนน้องหมาอย่างแน่นอน

4. หมั่นล้างมือหลังเล่นกับน้องหมา

นอกจากที่ผู้เลี้ยงจะดูแลทำความสะอาดบ้าน และอาบน้ำให้น้องหมาเป็นประจำแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้แพ้ขนน้องหมาควรระมัดระวังคือ หลังเล่นกับน้องหมาก็ควรล้างมือล้างให้สะอาดทุกครั้ง และถ้าหากเราเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับน้องหมา ก็อย่าลืมที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่เล่นกับน้องหมาเสร็จ เพื่อลดการเกิดอาการแพ้หลังจากที่เล่นกับน้องหมากันด้วยนะ

และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้ผู้เลี้ยงลดการเกิดอาการแพ้นั่นก็คือ การสวมเสื้อให้น้องหมาเวลาน้องหมาอยู่ในตัวบ้าน ซึ่งการใส่เสื้อผ้าให้น้องหมาจะสามารถช่วยลดการกระจายของเศษขี้ไคลจากผิวของน้องหมาลงไม่ให้ฟุ้งลอยไปในอากาศลงได้นั่นเอง

5.ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ

สำหรับในครอบครัวที่มีคนแพ้ขนน้องหมา การรักษาความสะอาดบ้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเลยครับ โดยแนะนำว่า ให้ใช้วิธีดูดฝุ่นเน้นตามซอกมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน  เช่น บนพื้น รอยต่อของไม้ ซอกประตู หน้าต่าง ทำความสะอาดที่นอน โซฟา โต๊ะ ตู้ ฯลฯ เป็นประจำแทนการใช้ไม้กวาดกวาดพื้นบ้าน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของขนน้องหมาไม่ให้ปลิวไปทั่วบ้าน และกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น พร้อมกับหมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

หากภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ แนะนำให้ใช้ผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ พ่นด้วยน้ำยาขัดเงาเฟอร์นิเจอร์ หรือสเปรย์กำจัดฝุ่นที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ สเปรย์จะช่วยกำจัดขนน้องหมาซึ่งมีไฟฟ้าสถิตย์ ทำให้เอาขนน้องหมาออกได้ง่ายขึ้นและยังลดโอกาสที่ขนน้องหมาจะกลับมาติดอีกด้วยค่ะ และหากต้องการกำจัดขนน้องหมาออกจากพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน แนะนำให้เพื่อน ๆ สวมถุงมือยางที่จุ่มน้ำเปียกหมาด ๆ มาถูบนพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน ขนน้องหมาจะเกาะติดที่ถุงมือออกมาอย่างง่ายดายเลยล่ะครับ หรือ ถ้าต้องการประหยัดเวลาทาง LG มีเครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่จะทำให้คุณประหยัดเวลาในการทำความสะอาดขนสัตว์ของคุณให้หมดไปอย่างง่ายได้ ด้วย LG CordZero ด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดฝุ่นจากเครื่องดูดฝุ่นแอลจีสามารถเพิ่มปริมาณของการเก็บฝุ่น โดยสามารถเพิ่มพื้นที่ในการเก็บฝุ่นมากขึ้นถึง 3 เท่า เทฝุ่นทิ้งสะดวก ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจายมาพร้อมกับหัวดูดแบบใหม่ เหมาะทั้งสำหรับพื้นและพรมเหมาะกับการทำความสะอาดในทุกพื้นที่ ทำให้เรื่องการกำจัดขนสัตว์เลี้ยงของคุณให้หมดไปเป็นเรื่องง่าย