
เปิดตู้เสื้อผ้าออกมา ไม่ว่าบ้านไหน ก็จะพบเสื้อผ้าอยู่เต็มไปหมด ทั้งที่ใส่ประจำ และใส่เป็นบางครั้ง และบางตัวที่เป็นตัวเก่ง เราก็ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ ให้ใหม่อยู่เสมอ เพราะราคาของเสื้อผ้าแต่ละชิ้น ก็คงไม่น้อย
วิธีการดูแลเสื้อผ้า
- เสื้อผ้าเมื่อใช้แล้ว ถ้าไม่ซักทันทีจะทำให้ซักยากและอาจเกิดราหรือเป็นรอยได้
เสื้อผ้าที่สวมใส่ครั้งหนึ่งแล้วยังจะสวมได้อีก ควรแขวนผึ่งแดดหรือลมไว้
- เสื้อผ้าแต่ละชิ้นซักรีดและเก็บรักษาไม่เหมือนกัน เสื้อผ้าบางอย่างเมื่อซื้อมาจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับการซักรีด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อช่วยรักษาเสื้อผ้าให้คงทนเสมอ
- เสื้อผ้าที่จำเป็นต้องรีดเมื่อรีดเสร็จแล้วควรปล่อยให้ความร้อนเกิดจากการรีดหายเป็นปรกติก่อน แล้วจึงเก็บเข้าตู้
- เสื้อผ้าที่ซักรีดแล้ว ควรเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าไว้ในที่อากาศเย็นและไม่ชื้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดเชื้อราและเสื้อผ้าเปื่อย
- เวลาถอดเสื้อผ้าควรทำอย่างระมัด ระวัง อย่ากระชากหรือดึงอย่างรุนแรง ถ้าซิปติดต้องใจเย็น ค่อย ๆ รูด ใช้ขี้ผึ้งหรือเทียนไขทาจนทำให้ซิปรูดคล่อง
- เสื้อชุด หรือเสื้อโค้ทถอดออกจากตัวแล้วไม่ควรพาดวางไว้บนเก้าอี้นานหลายชั่วโมง ควรใส่ไม้แขวนไว้เพื่อรักษารูปทรงอยู่เสมอ
- ควรนำเสื้อผ้าออกจากตู้มาผึ่งแดดบ้าง แล้วจึงเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าดังเดิม วิธีนี้จะทำให้เสื้อผ้าไม่มีกลิ่นอับ
- ผ้าแพร หรือผ้าไหม ซักแล้วไม่ควรบิด แต่ใช้มือบีบหรือใช้วิธีห่อด้วยผ้าขนหนู ช่วยซับน้ำ ไม่ควรใช้เตารีดไอน้ำ ให้ใช้ผ้าแห้งสะอาดคลุมผ้าเวลารีด แต่ต้องพรมน้ำให้ชื้นทั่วทั้งผืนก่อนรีด
- ชุดว่าย น้ำ ไม่ว่าจะว่ายน้ำทะเลหรือสระว่ายน้ำ ควรได้รับการซักตากทันที เพราะคราบเกลือ ทราย หรือคลอรีนอาจเกาะติดอยู่บนชุดอาบน้ำทำให้สีตก ง่ายและเสียเร็ว
- ผ้าลินิน ควรรีดด้านใน เพื่อไม่ให้ผ้าเป็นมัน
- ละลายผง ซักฟอกในน้ำอุ่น จะละลายได้เร็วกว่า และสิ้นเปลืองน้อยกว่าละลายในน้ำเย็น
- ผ้าขาว ที่ออกเหลืองเพราะใช้มานาน เช่น ถุงเท้า ให้ใช้เปลือกไข่ป่นละเอียดใส่ลง ไปในอ่างแช่ผ้าหรือแช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้สักครู่ จะทำให้ผ้าขาวขึ้น
- เสื้อผ้าที่ เลอะคราบครีม เนย น้ำมัน ขจัดคราบโดยนำแป้งที่ใช้สำหรับทาตัวมา โรย ใช้กระดาษทิชชู หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่มีความร้อนพอสมควร ทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบออกจนหมด แล้วจึงนำไปซัก
- เสื้อผ้า ที่เปื้อนคราบเลือด ขจัดคราบโดยนำนมข้นทาทันที ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปขยี้น้ำออก
- เสื้อผ้า ที่เปื้อนคราบเลือดจางๆ ขจัดคราบโดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็ก น้อย จนแป้งข้นๆ ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก
- เสื้อผ้า ที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น ที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชูซับน้ำให้แห้ง
- เสื้อผ้า ที่เปื้อนคราบกาแฟ ขจัดคราบโดยใช้แป้งข้าวเจ้าถู แล้วซักได้ตามปกติ
- เสื้อผ้า ที่เลอะคราบน้ำตาเทียน ขจัดคราบโดยใช้ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียน ออกให้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2 ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับจนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษ
- เสื้อผ้าที่ เลอะโคลน ขจัดคราบโดยปล่อยให้โคลนแห้ง ใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักฟอก
- เสื้อผ้า ที่ขึ้นราเล็กน้อย ขจัดคราบโดยรีบนำผ้าที่ขึ้นราใหม่ๆ ซักในน้ำสบู่ร้อนๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ / ให้บีบมะนาวลงไป แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ จึงซักผ้าตามปกติ
- เสื้อผ้า ที่เปื้อนรอยสนิม ขจัดคราบโดยนำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ
- เสื้อที่ เลอะคราบน้ำมันรถ (น้ำมันเครื่อง) ขจัดคราบโดยใช้มะนาวถูบริเวณ ที่เปื้อน จนรอยเปื้อนจางลง แล้วจึงนำไปซัก
- เสื้อผ้าที่ เลอะคราบน้ำหมาก น้ำหมึก ขจัดคราบโดยก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรง รอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาว ลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก
- ผ้าเปื้อนหมึก ผ้าเปื้อนหมึกปากกาลูกลื่น ถ้าหมึกยังไม่แห้งให้ใช้เกลือโรยตรงรอยหมึก แล้วถูด้วยมะนาวก่อนซัก ถ้าหมึกแห้งแล้วให้จุ่มรอยเปื้อนในนมสด แล้วค่อยนำไปซัก ถ้าผ้าเปื้อนหมึกอินเดียนอิงค์ ให้ใช้มะนาวบีบลงตรงรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ก่อนนำไปซัก หรือสามารถลบออกได้โดยใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดตรงรอยเปื้อนรอยเปื้อนหมึก ซักออกได้โดยการใช้ข้าวสุกถูบริเวณที่เปื้อนแล้วนำไปแช่น้ำหรือนำเอลมอน (เห่งยิ้ง) หรือแป๊ะก๊วยไปทุบละเอียด แช่น้ำ ใช้น้ำของมันถูรอยเปื้อน แล้วนำไปล้างออกก็ได้
- เสื้อผ้า ที่เลอะกาว ขจัดคราบได้โดย ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ
- เสื้อผ้าที่ เลอะยางกล้วย ขจัดคราบโดยใช้มะนาวที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ ถูตรงรอยเปื้อน ที่เป็นคราบดำ แล้วรีบนำมาซักทันที
- เสื้อผ้าที่ เลอะยาทาเล็บ ขจัดคราบโดยซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาด จนกระทั่งรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาล้าง เล็บลงผ้าก่อน)
- เสื้อผ้าที่ เลอะยาแดง ขจัดคราบโดยเช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
- เสื้อผ้าที่ เลอะคราบเหงื่อ มี 3 วิธี
1. ขจัดได้โดยซักด้วยน้ำที่ผสมน้ำส้ม สายชูเล็กน้อย หรือน้ำมะนาว
2. แช่ผ้าไว้ในน้ำยาซักผ้าที่ทำให้เจือจางใน น้ำจากนั้นซักได้ตามปกติ
3. ละลายแอสไพริน 2 เม็ดลงในน้ำ แล้วแช่ผ้าไว้สักครู่ จึงซักตามปกติ

- เสื้อผ้าที่เลอะสี ปากกาเมจิก ให้ถูด้วยน้ำมันสน แล้วนำไปซัก
- เสื้อผ้าที่ เลอะคราบปากกาลูกลื่น ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอย เลอะจางลง แล้วจึงนำไปซัก
- เสื้อผ้าที่ เลอะคราบดินสอ ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอ แล้วขยี้
- เสื้อผ้าที่ เลอะลิปสติก เอามันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือใช้น้ำมันหมูทา แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือใช้ผงซักฟอกขาว โรยตรงรอยเปื้อนแล้วขยี้ แล้วจึงซักตามปกติ / ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อนแล้วนำมาซักตามปกติ / นำมาแช้ไว้ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปสติกหาย
- เสื้อผ้าที่ เลอะยางหญ้า ยางดอกไม้ ขจัดคราบโดยนำมาซักในน้ำสบู่ที่ข้นและ ร้อน ถ้ายังไม่ออกให้ใช้สารฟอกขาวช่วย
- ผ้า เปื้อนหมากฝรั่ง อย่างที่รู้กันว่าเสื้อผ้าติดหมากฝรั่งนั้นซักยาก เคล็ดลับแสนง่าย คือ การใช้ผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบบริเวณรอยคราบ 5 นาที หมากฝรั่งจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนแข็งจึงค่อย ๆ แกะออก หมากฝรั่งจะหลุดล่อนออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่ทิ้งใยเหนียว ๆ ไว้เลย
- และควรจัดเก็บเสื้อผ้าไว้เป็นหมวดหมู่หรือประเภท เพื่อสะดวกในการหยิบใช้ได้ง่าย และป้องกันการสูญหายหรือหาไม่พบ
ราวตากผ้า เช็ดถูราวตากผ้าด้วยผ้าชุบน้ำบิดพอหมาด เช็ดก่อนใช้ ถ้าทำราวตากผ้าใหม่เพื่อให้เชือกตากผ้าอ่อนนุ่มไม่แห้ง ให้นำเชือกมาต้มในน้ำเดือด หลาย ๆ นาทีก่อน แล้วจึงใช้น้ำร้อนราดอีกครั้งก่อนจะนำเชือกนั้นไปขึงเป็นราวตากผ้า
ไม้หนีบผ้า ถ้าไม้หนีบผ้าสักหลาดสกปรกให้แช่ในน้ำสบู่อุ่น ๆ ถ้าเป็นไม้หนีบผ้าพลาสติคให้แช่ในน้ำสบู่อ่อน ๆ ผสมน้ำอุ่น วิธีง่าย ๆ ให้นำเอาไม้หนีบผ้าใส่ถุงตาข่ายไนล่อน แล้วแขวนเอาไว้ในน้ำสบู่ เมื่อเอาขึ้นจากน้ำสบู่ ใช้แปรงถูคราบราที่เกาะ ล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง
หมวก ที่วางหมวกควรเช็ดถูให้สะอาด เมื่อใช้หมวกแล้วควรปัดฝุ่นออกให้หมด วางลงบนที่แขวนหมวก หรือเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย ใช้กระดาษทิชชู่สอดไว้ภายในเพื่อรักษารูปให้คงรูปทรง ควรใส่ยาป้องกันแมลงกินผ้าไว้ในกล่องด้วย
ซักผ้า ผ้าสีและผ้าขาวควรซักแยกออกจากกัน ถ้าเป็นผ้าลินินควรซักในน้ำร้อนซึ่งผสมน้ำยาซักแห้งหรือน้ำยาทำความสะอาด น้ำร้อนจะช่วยทำให้ผ้าสะอาดขึ้น เมื่ออบผ้าให้แห้งแล้วผ้าจะคงรูปทรงยิ่งขึ้น ถ้าไม่แน่ใจว่าสีจะตกหรือไม่ ให้ทดลองซักเศษผ้าหรือมุมผ้าดูประมาณ 2-3 นาที ถ้าน้ำมีสีคือสีผ้าตก ไม่ควรนำผ้ามาอบ ควรใช้วิธีนำผ้าผึ่งตาก ถ้าผ้าตกสี ให้แยกออกมาซักด้วยมือ อย่าใช้เครื่องซักผ้า ใช้สบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาซักผ้าผสมน้ำอุ่นค่อนข้างเย็นแล้วซักออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นนำผ้าที่ซักแล้วห่อผ้าขนหนูม้วน เพื่อให้ซับน้ำออกมากที่สุด แล้วจึงเอาผ้าออกจากผ้าขนนหนูตากในที่ร่ม นำมารีดในขณะที่ผ้ายังชื้นอยู่นิด ๆ ใช้เต้ารีดที่ไม่ร้อนจัด
ห้องเก็บเสื้อผ้า ควรมีการจัดตู้เสื้อผ้าใหม่ และทิ้งเสื้อชุดที่ไม่ใช้เสียบ้าง นำเสื้อผ้าที่เป็นชุดมาปัดฝุ่นและผึ่งแดด ปัดฝุ่นกล่องต่าง ๆ กระเป๋าเดินทาง ที่แวนหมวก เช็ดผนังห้อง ชั้นวางของ และตะขอต่าง ๆ ใส่กระดาษหอมไว้ตามชั้น แล้ววางของไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย
ด้วยเทคโนโลยี Steam Wash ในโปรแกรม Allergy Care ของเครื่องซักผ้า LG ที่ใช้พลังงานไอน้ำความร้อนสูงถึง 100 องศา ทำให้กำจัดสารภูมิแพ้ได้ถึง 99.9 % นอกจากนี้พลังไอน้ำร้อนจากเครื่อง ยังทำงานเสมือนเตารีดไอน้ำ ทำให้ลดรอยยับและกลิ่นอับได้ภายใน 20 นาที
ที่มา : www.phahomhom.com , www.learners.in.th
lgblogger.com
One thought on “เทคนิคการดูแลเสื้อผ้า ให้สวยอยู่เสมอ”
เครื่องซักผ้าดี ก็ต้องคู่กับผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ดีด้วย สะอาดอย่างเดียวคงจะไม่พอกับอากาศร้อนๆของบ้านเรา ผงซักผ้าพวกสูตรแอนตี้แบคทีเรีย จัดการกับไรฝุ่นบนเสื้อผ้า สาเหตุภูมิแพ้ที่คนไทยเป็นกันมาก สะอาดไม่พอต้องสุขภาพดีด้วยนะ