ชั่วโมงนี้ Smartphone ระดับกลางและระดับล่าง LG ถือว่าทำออกมาได้ดี โดยรุ่นก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น Optimus black Optimus Net หรือ Optimus Pro ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จไปแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะ เจ้า Optimus black ที่จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ NOVA Display ซึ่ง LG ประกาศศักดาว่าเป็นหน้าจอที่สว่างที่สุดในโลก มาคราวนี้ LG ส่ง Optimus Hub หรือชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการคือ LG E510 ซึ่งใช้จอ NOVA เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง black
สเปกภายในของ Optimus Hub มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS v2.3.4 (Gingerbread) หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM7227T ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARMv6 ความเร็ว 800 MHz ROM 150 MB RAM 512 MB รองรับหน่วยความจำภายนอก ( Micro SD Card ) สูงสุดถึง 32 GB
การออกแบบ
ความรู้สึกแรกจากการสัมผัส Optimus Hub ตัวนี้รู้สึกเหมาะมือ ดูแข็งแรง วัสดุเป็นพลาสติกผสมกับอะลูมิเนียมทำให้ดูมีระดับยิ่งขึ้น งานประกอบทำออกมาได้เนี๊ยบดีไม่แพ้รุ่นก่อนๆ ให้ความรู้สึกแน่นหนา ขนาดรอบตัว อยู่ที่ 113.4 x 60.8 x 11.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 123 กรัม
ด้านหน้า LG Optimus Hub มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ ความละเอียดระดับ HVGA ที่ให้ความสว่างถึง 550 nit เหนือกว่าสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน ขนาด 3.5 นิ้ว เป็นกระจก Gorilla Glass ซึ่งเป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าสามารถกันรอยขีดข่วมได้ ส่วนบนเป็นลำโพงสนทนา ข้างๆเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้าเพื่อปิดหน้าจอขณะสนทนา ถัดลงมาจากลำโพงจะพบ โลโก้ LG
ลงมาด้านล่างจอ เป็นปุ่ม 3 ปุ่ม ปุ่ม Menu ปุ่ม Home ( เพื่มลูกเล่นปุ่มนี้ด้วยสีเงินเพื่อความแตกต่าง ) และปุ่มสุดท้ายคือ ปุ่ม Back
ด้านหลัง เป็นพลาสติกค่อนข้างหนา มีลูกเล่นฝาหลังด้วยลายจุด พร้อมกล้องถ่ายภาพ ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลช ถัดลงมาจากกล้อง พบตัวสกรีนโลโก้ LG
ด้านข้าง เพิ่มลวดลายขอบด้านข้างด้วยสีเทาคั่นกลางระหว่างตัวเครื่องด้านหน้ากับด้านหลัง ด้านข้างฝั่งขวาปล่อยโล่งไม่มีปุ่มใดๆ ส่วนด้านข้างฝั่งซ้าย พบปุ่มเพิ่ม /ลด เสียง
ขอบด้านบน เป็นปุ่มPower ไว้สำหรับ เปิด/ปิด เครื่อง และล็อคน้าจอ ถัดมาข้างๆเป็นช่องสำหรับหูฟัง ขนาด 3.5 มม.
ขอบด้านล่าง เป็นช่องสำหรับเสียบ Micro USB และ สายชาร์จ พร้อมช่องสำหรับงัดฝาหลัง ข้างๆเป็นรูไมค์สำหรับสนทนา
สำรวจด้านในกันบ้าง ฝาหลังงัดได้ไม่ยาก ฝาหลังเป็นพลาสติกหนาดูแข็งแรงดี มาพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาด 1500 mAh มีช่องใส่ Micro SD Card อยู่ทางฝั่งขวา ทำให้เวลาต้องการถอด ใส่ Micro SD Card ไม่ต้องปิดเครื่อง
มาดูลักษณะภายนอกเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Optimus black แน่นอนว่า black ย่อมบางกว่าแน่นอนเพราะขึ้นชื่อเรื่องความวบางพิเศษอยู่แล้ว แต่ถ้าถามถึงหน้าตาเจ้าOptimus Hub ก็หล่อไม่น้อยหน้า black เลยทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพเครื่อง
ทดสอบความเร็ว Frame Rate วัดผ่าน Neocore 50.5 เฟรมต่อวินาที
ทดสอบด้วย Quadrant Standard ได้ 968 คะแนน
ทดสอบด้วย Antutu ได้คะแนน 1442 คะแนน
ทดสอบด้วย An3DBench / An3DBench XL ได้คะแนน 5,227 และ 12510 ตามลำดับ
ทดสอบ Multitouch แบบสมบรูณ์สูงสุด 8 ถือว่าเหนือกว่าสมาร์ทโฟนระดับเดียวกันอยู่พอสมควร
Feature ต่างๆของ Optimus Hub
– ระบบ User Interface(UI) ของตัวเครื่อง “LG UI” Optimus Hub มาในเวอร์ชั่น 2.0 มีหน้าหลักแบ่งย่อยเป็น 7 หน้า แต่ละหน้าสามารถเลือกปรับแต่ง widget บนหน้าจอหลักได้โดยการกดที่ ไอคอนนั้นค้างไว้แล้วจะมีไอคอนถังขยะปรากฏขึ้นให้ลากไปวางได้เลย หากต้องการเพิ่มให้เข้าหน้า Application แล้วกดที่ไอคอนของแอพที่เราต้องการเพิ่มค้างไว้
รูปแบบเมนูหลักมี 3 รูปแบบ สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบความถนัด และสำหรับคนที่ไม่ชอบความจำเจซ้ำซาก
– ประเภท : แบบประเภทจะเป็นแอพพลิเคชั่นตามหัวข้อที่กำหนด เช่น เกมส์, ดาวน์โหลด เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มหมวดหมู่ของเราเอง โดยกดปุ่มตั้งค่า > จัดการหมวดหมู่ จากนั้นเลือกเพิ่มหมวดหมู่ที่ต้องการได้
– เพจ : แบ่งรายการออกเป็นหน้าๆ หน้าละ 16 เมนู โดยสามารถเปลี่ยนไปหน้าต่างๆ ตามจำนวนเมนูได
– รายการ : จะแบ่งรายการแอพพลิชั่นตามหมวดหมู่ A-Z และ อื่นๆ ในแต่ละหมวดหมู่จะมีแอพพลิเคชั่นที่ขึ้นชื่อด้วยตัวอักษรเดียวกันทั้งหมด
ทดสอบการเล่น Facebook for Android การใช้งานไหลื่นดีเลยทีเดียวถ้าเทียบกับ CPU ระดับ 800 MHz
ทดสอบการใช้งาน youtube ผ่าน แอพ youtube ที่ติดมากับเครื่อง ผลปรากฎว่าไหลลื่นดีมาก ภาพสวยคมชัด ระบบเสียงถือว่าทำมาได้ดีสำหรับตัวนี้ การใช้านผ่านเบราซ์เซอร์ก็ลื่อไหลไม่มีปัญหา
ปุ่มคีย์บอร์ดที่ติดมากับตัวเครื่อง ทำออกมาได้ดี แสดงผลตัวอักษรครบครบถ้วนใช้งานง่าย หากต้องการเปลี่ยนตัวอักษรที่อยู่ในปุ่มเดียวกันให้กดปุ่มนั้นค้างไว้ จะปรากฎไอคอนตัวอักษรของปุ่มนั้นแยกขึ้นมา ครั้งนี้ LG ได้เพิ่มแอพพลิเคลชั่น ที่น่าใช้มาให้หลายตัว ไม่ว่าจะเป็น e-buddy โปรแกรมที่รวมโปรแกรมแชทต่างๆที่นิยมไว้ในตัวเดียว สำหรับตัวที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งคือ Wi-fi Cast เป็นโปรแกรมแชร์ข้อมูลผ่าน Wi-fi ซึ่งสาเหตุที่ทาง LG ใส่แอพเสริมเหล่านี้เข้ามาเพราะหนึ่งจุดขายของ LG Optimus Hub ที่ตัวชูโรงอยู่ที่การเชื่อมต่อและการแชร์ข้อมูลอย่างเหนือชั้น สำหรับเครื่องรุ่นอื่นๆ สามารถแอพพวกนี้ได้ที่ Android Market
Wi-fi Cast
แอพ Wi-fi Cast นี้มีความสามารถในการแชร์คอนเทนต์แบบไร้สายกับมือถืออื่นๆ ได้รวดเร็วกว่าการใช้งานบลูทูธถึง 10 เท่า
กล้องถ่ายรูป
LG Optimus Hub มาพร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 5 ล้าน พิกเซล ไม่มีแฟลช สามารถบันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ
คุณสมบัติในการถ่ายภาพนิ่ง
ข้อมูลตัวเครื่องอย่างละเอียด
ข้อมูลจาก GSMarena.com อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลแตกต่างแต่ละประเทศที่จำหน่าย
จุดเด่น
– มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android v.2.3.4
-ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้นมากถึง 31% เป็นระบบที่มีเฉพาะใน Optimus Hub เท่านั้น
-หน้าจอ NOVA ให้ความสว่างมากถึง 550 nit ซึ่งการันตีความสว่างกว่าสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน
-ระบบ WiFi Direct เชื่อมต่อและส่งถ่ายข้อมูลไร้สายโดยไม่ต้องผ่าน Router
– Bluetooth เวอร์ชั่น 3.0
-กล้องถ้ายภาพความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
-รับสัญญาณวิทยุ FM stereo ได้ในตัว ( สมาร์ทโฟนหลายตัวในปัจจุบันมักตัดออก )
-LG Smart World แอพสุดพิเศษสำหรับชาวแอลจีซึ่งจะคอยแนะนำแอพฯที่น่าใช้งาน หรือเหมาะกับการใช้งานของเรา
-ระบบ Smart Share ที่สามารถแชร์ไฟมัลติมีเดียไปยังเครื่องในเครือข่ายเดียวกัน
-Wi-fi Cast แชร์ข้อมูลได้เร็วกว่าบลูทูช 10 เท่า
จุดด้อย
-ไม่มีไฟแฟลช
-ความละเอียดหน้าจอน้อยไปนิด
กล่าวโดยสรุป
สำหรับ LG Optimus Hub รูปแบบการดีไซด์ให้ความรู้สึกแข็งแรงแน่นหนา แต่แฝงด้วยหรูหรานิดๆ ตัวเครื่องเป็นการผสมผสานระหว่างพลาสติกกับอะลูมิเนียม สร้างความแตกต่างจากแอนดรอยด์โฟนทั่วไปด้วยปุ่มที่ลดเหลือ 3 ปุ่ม พร้อมเล่นสีบนปุ่ม Home ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ การประมวลผลแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ไม่ติดขัด การใช้งานมีความลื่นไหลถือว่าดีมากเลยทีเดียวถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการใช้งานเว็บไซด์ Youtube ผ่านแอพพลิเคลชั่นบนตัวเครื่องซึ่งลื่นไหลไม่กระตุก แถมภาพสวยอีกด้วย หรือการใช้งานด้าน Social Network ผ่านเว็บยอดฮิตอย่าง Facebook , Twitter การใช้งานเว็บเบร้าเซอร์ ก็ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ทดสอบการเล่นเกมส์หากเล่นทั่วๆไป สามารถใช้งานได้ไหลลื่นสบายๆ แต่หากเป็นเกมส์ที่มีภาพกราฟฟิคเยอะหน่อย ก็มีการค้างเล็กน้อย แบตเตอรี่อึดอยู่พอสมควร หากไม่ใช้งานหนักมากนักก็อยู่ได้ 2-3 วัน แต่หากเปิดใช้งาน Wi-fi ,3G ตลอดเวลาจะอยู่ได้ประมาณวันกว่าๆ สำหรับ Hub ตัวนี้เหมาะอย่างยิ่งกับใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนไว้ใช้งานในระดับกลางๆ เช่น ด้านการสื่อสาร การเชื่อมต่อ การใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือ แชท เล่นเกมส์แบบกราฟฟิคเบาๆ ไม่หนักมาก ราคาต่ำกว่าหมื่น ตัวนี้ถือว่าเหมาะมาก หากเป็นคอเกมส์แบบฮาร์ดคอ แนะนำ Optimus 3D จะดีกว่านะ อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจจากแอลจีและเปิดตัวไปพร้อม Optimus Hub นั้น คือ LG Optimus SOL กับ เทคโนโลยีหน้าจอใหม่ ULTRA AMOLED พร้อม CPU 1 GHz ซึ่งจะทำการรีวิวให้ได้ชมกันต่อไป
lgblogger.com
เกี่ยวกับคุกกี้บนไซต์นี้
โดยการเข้าใช้เว็บไซต์นี้ ท่านยอมรับเงื่อนไขการใช้คุกกี้ของเรา เราใช้คุกกี้เพียงเพื่อปรับปรุงการใช้งานให้เหมาะสม วิเคราะห์การเข้าใช้เว็บไซต์ และเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของท่าน
ทั้งนี้ท่านสามารถปิดการตั้งค่าของคุกกี้ได้ เพื่อระงับการเก็บข้อมูลทุกอย่างของคุกกี้ในอนาคต อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ศูนย์การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
ความเป็นส่วนตัวของคุณ
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ใดก็ตาม ไซต์นั้นอาจจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในรูปแบบ
ของคุกกี้ ข้อมูลนี้อาจเกี่ยวกับคุณ การตั้งค่าของคุณ อุปกรณ์ของคุณ หรือเพื่อช่วยให้ไซต์ทำงานอย่างที่คุณต้องการ ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น คุณสามารถปฏิเสธไม่ให้คุกกี้บางประเภททำงานได้ คลิกที่หัวข้อประเภทอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นของเรา อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าการบล็อกคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลต่อการใช้งานไซต์และบริการที่เรามีให้ใช้งาน Cookie settings
6 thoughts on “Review : Optimus Hub เชื่อมต่อโดนใจ จัดเต็มทุกฟังก์ชั่นการใช้งานในแบบคุณ”
Pingback: IPS True HD ครั้งแรกกับหน้าจอความละเอียดระดับ HD บนสมาร์ทโฟนLG Blog
Pingback: มาฟัง " GURU " ฟันธง Optimus Hub คุ้มหรือไม่ ?LG Blog
Pingback: ผลโหวตขนาดหน้าจอ Smartphone ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดLG Blog
Pingback: รวมReview : LG Optimus Sol จาก blogger ชื่อดังLG Blog
Pingback: LG ควงหนุ่มๆวง Super junior ร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกับ LG OptimusLG Blog
Pingback: ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของวง Super junior กับ LG Optimus เร็วๆนี้LG Blog